วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

New Honda Civic 2012 แตกต่างกว่าที่คิดเมื่อได้สัมผัสตัวเป็นๆ


ตั้งแต่เห็นภาพครั้งแรกในเว็บต่างประเทศจวบจนวันเปิดตัวในไทย  Honda Civic 2012 ถือเป็นรถที่มีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง ด้วยส่วนหนึ่งจากความเป็นรถยอดนิยมของคนทั่วโลก ทำให้ในโฉมใหม่นี้กลายเป็นที่ติดตามและเป็นหนึ่งในกระแสสังคม
ภายนอกปรับขนาดเพิ่มความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
               ลดความยาวตัวถังลง 15 ม.ม. ปรับฐานล้อลดลง 30 ม.ม. เป็นการนำเสนอที่สร้างความแปลกใจให้กับเราตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วยข้อสงสัยถึงแนวคิดรถรุ่นนี้ที่พัฒนาใหม่แต่ปรับลดขนาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นพวกเราหลายคนอาจจะคุ้นกับ วลี "ใหม่...ย่อมดีกว่าเก่า" แต่บางครั้งการปรับลดก็ให้อะไรที่ดีขึ้ โดยเฉพาะใน Honda Civic  ใหม่ การปรับขนาดไม่ได้เป็นการก้าวถอยหลัง แต่เป็นการกระชับการออกแบบ ด้วยการนำเสนอการตอบสนองการขับขี่ให้ดีและคล่องตัวขึ้น ทั้งยังเหมาะสมต่อการขับขี่ในทุกสภาวะ ไม่ว่าจะในเมืองหรือเดินทางไกล
สัดส่วนที่ย่อลงเล็กน้อย ทำให้เกิดคำถามมากมาย
                   แต่เรื่องการออกแบบ Honda ตั้งใจให้   Civic ใหม่มีความเรียบง่ายและดูทรงพลัง แนะนำเรือนร่าง Monoform เน้นความทันสมัยสอดรับการมุ่งเน้นประหยัดน้ำมัน ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยทรวดทรงสปอร์ตพร้อมกระจกด้านหน้าลาดเท ต่อเนื่องสู่ด้านข้างมีการปรับย้ายตำแหน่งกระจกมองข้างเล็กน้อย เช่นเดียวกับกระจกเล็กที่กว้างมากยิ่งขึ้นเสริมทัศนวิสัยในการขับขี่ด้านท้าย Civic ใหม่ให้อารมณ์สปอร์ตหรูด้วยไฟท้ายสไตล์เดียวกับรถยุโรป รับเข้าเส้นสายจากด้านหน้า โดยรถที่เราขับทดสอบวันนี้เป็นรุ่น 1.8  E AT Navi  ลงตัวกับล้อขอบ 16 นิ้ว มาพร้อมยาง 205/55/R16 ติดตัว
ภายในสไตล์หรู เน้นปรับฟังชั่นใช้งาน
             เมื่อเปิดประตู Honda Civic  ใหม่ ต้อนรับด้วยห้องโดยสารนำเสนอความหรูพร้อมความทันสมัย คอนโซลหน้าเพิ่มพื้นที่การใช้งาน ยังคงเอกลักษณ์มาตรวัดแบบ 2 ชั้น ที่ด้านบนเป็นส่วนของการแสดงข้อมูลอัจฉริยะ Intelligent Multi- Information Display (i-MID)   ถัดมาเป็นการแสดงอัตราประหยัดน้ำมันขณะใช้งานจริง ตามด้วย Eco Coaching  ระบบช่วยแนะนำการขับขี่แบบประหยัด ,ตัวเลขแสดงอัตราความเร็ว และระดับน้ำมัน
ด้านล่างเป็นวัดรอบเครื่องยนต์ บังคับเลี้ยวด้วยพวงมาลัยมัลติฟังชั่น สามารถควบคุมจอแสดงผลอัจฉริยะ (I-MID) ด้วยปลายนิ้ว พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ที่อยุ่ต่ำลงไป อาจจะกดยากไปสักหน่อย เช่นเดียวกับระบบ Cruise Control ที่จะได้พบกันตั้งแต่รุ่น E  ขึ้นไป จัดวางไว้ทางขวามือบนพวงมาลัย
                ช่วงกลางคอนโซลหน้าระบบเครื่องเสียงและอุปกรณ์นำทางจัดมาให้ในรุ่น 1.8 E AT Navi  สามารถเล่นแผ่น DVD  CD  MP3 รองรับการเชื่อมต่อ  Bluetooth  พร้อมช่องต่อ  USB  และ AUX ขับกล่อมด้วยลำโพง 4 ตัว พร้อมทวิตเตอร์ 2 ตัว ฝังไว้ในเสา A  แลดูไม่รกสายตา ส่วนคุณภาพเสียงถือว่าดี แต่ยังไม่ดีเยี่ยม... ถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่มีตั้งแต่รุ่น  E  ขึ้นไป
                เมื่อหย่อนตัวลงนั่ง เบาะ  Civic ใหม่ ค่อนข้างโอบกระชับ แต่ยังนั่งสบาย เบาะคนขับจัดระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางมาให้ได้สัมผัส  ส่วนคนนั่งใช้มือปรับมือเอา ที่นั่งตอนหลังเรามีโอกาสลงไปลองนั่งดูเล็กๆ น้อยๆ ก่อนขับขี่ พบว่าจากความสูง 182 ซ.ม หนัก 93 ก.ก. เมื่อเบาะถูกเลื่อนถอยหลังสุดเรายังสามารถนั่งได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจจะและดูคับแคบเพราะจากที่ลองดูพบว่า ตำแหน่งช่วงเขาเรากำลังพอดี ส่วนเท้าต้องสอดไปใต้เบาะ ปฏิเสธไมได้ว่ามันแคบลง แต่ก็้ยังใช้งานได้ดีด้วยการปรับการออกแบบให้เหมาะสมขึ้นทดแทนระยะที่ลดลงไป
ได้เวลาลอง  Civic ใหม่นี้จะเป็นไง   
                จากที่ฟังการบรรยายสรุปจากทีมวิศวกร เราได้ค้นพบหลายอย่างเกี่ยวกับ  Civic และคอนเซปต์ครั้งนี้ที่ตั้งมาว่า Progressive Soul หรือ "สู่ตัวตนแห่งความสมบูรณ์แบบ" ดูจะเป็นอะไรที่เหมาะมาก เพราะทุกอย่างถูกปรับเปลี่ยนทางด้านวิศวกรรมเป็นสำคัญในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะ ช่วงล่าง การบังคับเลี้ยว และการประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์แถมยังสามารถรองรับน้ำมัน E85  ได้
                ทุกอย่างพร้อมได้เวลาลองดี น้อง Civic  ใหม่ โดยการทดสอบครั้งนี้ Honda  เติมน้ำมัน  E85  มาให้ทดสอบในการเดินทาง กรุงเทพ-ปราจีนบุรี....ทันทีที่ปรับเกียร์  D  ปล่อยเบรค Walking Speed  ของ  Civic  เดินฝีเท้าออกจากศูนย์ฝึกอบรม  Honda จวบจนเมื่อก้าวเข้าสู่ถนนใหญ่ เราเริ่มกับอัตราเร่ง ที่เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่  6,500 รอบต่อนาที  พร้อมแรงบิด 174 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 4,300 รอบนาที พกระบบเกียร์ อัตโนมัติ 5 สปีด ควบคุมด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์  Grade Logic  Control พร้อม  Direct Control และ  Shift Hold System ให้อัตราเร่งประทับใจไม่กระชากหรือไม่อืดจนเกินงาม
                     อัตราเร่งที่ดีส่วนหนึ่งมาจากการปรับโครงสร้างต่างๆของตัวรถทำให้มีความเบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 7% ซึ่งในรุ่น 1.8 E  Navi  มีน้ำหนักตัวเปล่าเพียง 1,255 ก.ก. และสำหรับการทดสอบครั้งนี้เรามีผู้โดยสาร 2 คน และสัมภาระเล็กๆ ที่ประมาณการว่า จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 250 ก.ก.  ทำให้มีน้ำหนักรวมในการทดสอบครั้งนี้ราวๆ  1,500 ก.ก.แต่ civic  ก็ยังเร่งแซงได้เฉียบขาดทุกครั้งที่กดคันเร่งลงไปแถมยังมี 2  ระดับคือเร่งแบบนิ่มๆ กับเร่งแบบระทึกจากการปรับลดอัตราทดตำแหน่งเกียร์ตอบสนองการขับขี่
                เราขับมาสักพักใหญ่เส้นทางโล่ง ทำให้เราได้สังเกตอะไรมากขึ้น โดยเฉพาะ ระบบ Eco Coaching  ที่เหมือนมีคนคอยกำกับการขับขี่ให้ขับประหยัด ใช้วิธีการแสดงสีที่เปลี่ยนไปตรงกรอบความเร็ว จากสีฟ้าสู่สีเขียวและจะเขียวเข้มขึ้นเรื่อยๆเมื่อขับรถประหยัดมากขึ้น
                ช่วงระหว่างทางเราได้ลองทดสอบ  Econ Mode เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อดูการตอบสนองความประหยัด ซึ่งระบบดังกล่าว มีการปรับแต่งการตอบสนองของลิ้นปีกผีเสื้อ เกียร์ และระบบปรับอากาศ เพื่อตอบโจทย์การประหยัดน้ำมันเป็นสำคัญ และเมื่อใช้งานการทำความเย็นแอร์จะลดลง รวมถึงการเปลี่ยนเกียร์จะเร็วขึ้น สามารถสังเกตได้จากการขับติดสีเขียวบนระบบ Eco Coaching  ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
                แม้ว่าการขับขี่ครั้งนี้จะไม่มีการทดสอบอัตราประหยัดอย่างจริงจัง แต่  Honda  เคลมอัตราประหยัดไว้ที่ 11 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับน้ำมัน  E85  สิ้นเปลืองมากกว่า น้ำมัน  E20 และเบนซิน 91 ที่มีอัตราประหยัด 15.1 และ 15.2 กิโลเมตร/ลิตร ตามลำดับ แต่กลับกันก็มีราคาถูกกว่าเกือบเท่าตัว ซึ่งระหว่างทางได้มีการวัดตราประหยัดดูพบว่ามีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกับฮอนด้าเปิดเผยออกมา โดยการขับขี่ของเราที่ทั้งความเร็วสูงและความเร็วเดินทางเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 90 กิโลเมตร สามารถทำได้ 10.8 กิโลเมตร/ลิตร แต่เมื่อลองล็อคความเร็วด้วย Cruise Control จากอัตราประหยัดแบบ Real Time  ชี้วัดว่ามากกว่า 15 กิโลเมตร/ลิตร เมื่อใช้คู่ระบบ  Econ Mode ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก และในงวดหน้าเราจะนำมาทดสอบในส่วนนี้ต่อไป
ช่วงล่างมั่นใจ นี่แหละที่ประทับใจที่สุด
                หลายสิ่งหลายอย่างผ่านไป แต่ไม่มีอะไรที่สร้างความประทับใจในการขับขี่ Honda civic 2012 ได้เท่ากับระบบกันสะเทือนที่เราได้สัมผัสตั้งแต่ขึ้นขับตลอดจนถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
                หากเทียบกับรุ่นที่แล้ว  Civic  2012 มีการปรับเซทช่วงล่างใหม่ให้ดีขึ้นจนผิดหูผิดตาทั้งในย่านความเร็วทั่วไป หรือความเร็วสูงให้สไตล์ช่วงล่างแบบสปอร์ตหนึบแต่ไม่กระด้างหรือแน่นจนเกินไป อาการโคลงเคลงไม่มีให้เห็นในรุ่นนี้ แม้จะขับที่ความเร็วระดับ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือหวดเข้าโค้งยาวๆที่ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมงก็ยังมั่นใจได้ ด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และ ด้านหลังแบบมัลติลิงค์อิสระที่มาพร้อมกับเหล็กกันโคลงเสร็จสรรพการควบคุมรถทำได้ดั่งใจ ด้วยการปรับระบบพวงมาลัยใหม่ Motion Adaptive Electronic Power Steering System หรือ  MA-ESP  ให้ความกระชับและแม่นยำยิ่งขึ้น มีการปรับแต่งในเรื่องการให้ตัวของพวงมาลัยลดระยะฟรี และให้พวงมาลัยตอบสนองช้าลงเล็กน้อย แต่ทั้งหมดนั้นให้ความแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้เข้าโค้งมั่นใจ โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขวงเลี้ยวในโค้ง หากถือองศาพวงมาลัยถูกต้อง เช่นเดียวกับ การรักษาแนวเส้นตรงของพวงมาลัย ทำให้ขับง่ายมาขึ้นยามเดินทางไกลบนทางตรงยาว
ลองเล็กๆกับ 2.0 บนทางลงเขา
                หลังจากเดินทางกับ New Honda civic 2012  ในรุ่น 1.8 มาตลอดช่วงเช้า ในช่วงบ่ายเรามีโอกาสสัมผัสรุ่นท๊อป ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แคมเดี่ยวแทนแคมคู่ที่เคยนำเสนอในรุ่นก่อนหน้านี้  แต่ทดแทนด้วยความสามารถเติมน้ำมัน E85  ได้
                การขับขี่ของเราเป็นเส้นทางในการขับลงเขา ในอุทยานเขาใหญ่ จากเส้นทางน้ำตกเหวนรก สู่รีสอร์ทที่เรามาแวะพักผ่อนตามอัธยาศัยกัน โดยระหว่างทางขาขึ้น ที่เป็นผู้นั่งเรายอมรับว่าเส้นทาง ตรงนี้ มีโค้งค่อนข้างเยอะประกอบกับเป็นทางแคบแบบ  2 เลนสวนกัน ถือว่ารถที่จะใช้ความเร็วบนเส้นทางนี้ต้องมีสมรรถนะที่ไว้ใจ
                "พร้อมนะ" เสียงจากพี่สื่อมวลชนคู่หูเราจาก  Torque Magazine ประจำทริปทดสอบนี้ หยั่งเชิงก่อนออกตัวสู่เส้นทางสุดโหด หลังจากเราปรับแต่งท่านั่งเรียบร้อย  เราก็ออกตัวทันทีขับขี่ด้วยโหมด  S  หรือสปอร์ต พร้อมใช้ระบบ Paddle shift  ช่วยในการควบคุม
                เราก้าวเท้าลงจาก Civic 2.0  ด้วยรอยยิ้มในความประทับใจ เพราะมันสมบูรณ์แบบจริงๆ แต่ทั้งหมดนั้นก็แลกด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ถ้าสำหรับคอสปอร์ตแล้วคงจะชอบอยู่ใช่น้อย
                หลายคนอาจจะติดกัฟบภาพลักษณ์ภายนอกและภายในที่มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบไม่มากมาย นัก แต่อย่างที่คอนเซปต์ "สู่ตัวตนแห่งความสมบูรณ์แบบ" Civic ใหม่คือรถที่เน้นปรับจิตวิญญาณ เน้นหนักในฟังชั่นการใช้งาน และสมรรถนะการขับขี่ ที่ทั้งหมดนั้นมิอาจตัดสินได้จากเพียงแค่ตาเห็นหรือมือคลำ
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง 
ขอบคุณ คาราวานทดสอบ Honda Civic 2012 โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด 
                           


กรุ๊ปเลือดทายนิสัย ใครเป็นยังไงมาดูกัน






อันบุคคลที่มีเลือดกรุ๊ป เอ นั้น เป็นคนที่มี ความเชื่อมั่น ในตนเอง จึงไม่ค่อย โต้เถียง หรือแสดง ความคิดเห็น ขัดแย้งกับใคร เพราะเชื่ออยู่เสมอว่า ความคิดของตน ถูกต้องแล้ว จึงไม่ต้องไป ขอความคิดเห็น จากใครอีก แต่ยังดี ที่คนกรุ๊ปเลือด เอ ส่วนมากจะเป็น คนเอาใจเก่งเห็นใจ และตามใจคนอื่นเสมอ ดังนั้น โอกาสที่จะพบว่า เขาไปทำให้ ขุ่นข้องหมองใจนั้น จึงไม่ค่อย ได้ปรากฏ ให้เห็นบ่อยนักแต่คนกรุ๊ปเลือด เอ ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ตรงที่เป็นคนขาดความคิดริเริ่ม ซึ่งหากเป็นชาย ที่บังเอิญ ได้หญิงฉลาด ทำงานเก่ง มาเป็นคู่ครอง ฝ่ายหญิงจะรู้สึกผิดหวัง ในตัวเขาอยู่บ้าง แต่สำหรับชาวกรุ๊ปเลือด เอ ที่เป็นหญิงแล้ว ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ก็อาจจะเป็นผลดี สำหรับเธอ เพราะทำให้เธอ กลายเป็นแม่ศรีเรือน ถนัดในการดูแลบ้านช่อง ปรนนิบัติสามี อบรมบุตรหลาน เรียกว่า เพรียบพร้อมคุณสมบัติ ของความเป็นแม่บ้าน นั่นแหละแต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง สำหรับหญิงเลือดกรุ๊ป เอ นั่นก็คือ ในเวลาที่หัวใจ ของเธอ มีความรักนั้น เธอจะรักชนิด ทุ่มเทให้หมด ทั้งสี่ห้องหัวใจ เลยทีเดียว แต่ถ้าเมื่อใด ที่น้ำผึ้ง เปลี่ยนรส จากหวานกลายเป็นขม เธอก็พร้อมที่จะสลัด คุณออกไปจากหัวใจ อย่างคนที่มี ความเข้มแข็ง เพราะสำหรับเธอแล้ว ให้เจ็บปวด ปางตายเสียยังจะดีกว่า ต้องมางอนง้อ ขอให้ใคร เมตตาสงสาร
นอกจากเป็นคนมีอารมณ์รุนแรงแล้ว สตรีเลือดกรุ๊ป เอ ยังเป็นคนที่ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวชนิด สาวสวยสมัยใหม่ อยู่เสมอ แถมยังมี รสนิยมดีซะด้วย คือ สวยอย่างคนมีระดับ ว่างั้นเถอะ

เวลาจะให้คนที่มีกรุ๊ปเลือด เอบี ตัดสินใจอะไรสักอย่าง เขามักจะทำให้เราผิดหวัง หรือไม่เข้าใจในตัวเขา อยู่เสมอ ทั้งนี้ ก็เพราะคนเลือดกรุ๊ป เอบี นั้น เป็นคนที่มี อารมณ์อ่อนไหว คิดมาก หรือไม่ก็คิดไกล จนคนอื่นตามไม่ทัน เป็นเหตุให้ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ไม่อาจเดาใจได้ถูก คนกรุ๊ปเลือด เอบี เป็นคนแปลก เวลาที่ประสบความสำเร็จ เขาจะผยองลำพอง โอ้อวดความสามารถของตนไปทั่ว แต่ถ้าพบกับความผิดหวัง แม้เพียงน้อยนิด เขาก็จะกลับกลายเป็นคนละคน ปิดประตูลั่นกุญแจ ตีอกชกหัวอยู่คนเดียว มิใยใครจะปลอบใยน ก็ไม่ยอมคลาย ความเศร้าโศก ซึ่งนิสัยประหลาดแบบนี้ แม้แต่เจ้าตัวของคนกรุ๊ปเลือด เอบี เองก็ให้คำอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่า เพราะเหตุใดกันแน่ และเพราะความไม่เข้าใจตัวเอง นี่แหละที่ทำให้ บางครั้งก็เกิดปัญหา เช่น เขาไม่สามารถ ควบคุมอารมณ์ หรือความคิดของตนเองได้ แต่จะอย่างไรก็ตาม คนเลือดกรุ๊ป เอบี ก็เป็นคนมีใจเมตตา เห็นใจในความทุกข์ของผู้อื่นเสมอ และยินดีเสนอตัว เข้าช่วยแก้ปัญหาให้ แต่การช่วยเหลือ ของเขานั้น ออกจะน่ากลุ้ม อยู่สักหน่อย คือเขาจะถือ ความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ สมมติตัวเป็นเจ้าทุกข์ หรือเจ้าของปัญหาเสียเอง เรียกว่าถ้าจะให้ช่วยก็ยินดี แต่ต้องช่วยด้วยวีธีของฉันนะ ในด้านอารมณ์นั้น คนเลือดกรุ๊ป เอบี จัดว่าเป็นบุคคลประเภท อารมณ์รุนแรง รักใครก็รักสุดขั้วหัวใจ เกลียดใครก็เกลียด เข้ากระดูกดำไปเลย แต่ถึงกระนั้น คนกรุ๊ปเลือด เอบี ก็มีความเป็นอัจฉริยะอยู่ไม่น้อย เพราะเขามีสมอง ที่ปราดเปรื่อง สามารถประดิษฐ์ คิดค้นสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะนำชื่อเสียงมาสู่เขา และวงศ์ตระกูลได้ แต่คนเลือดกรุ๊ป เอบี มักไม่ประสบความสำเร็จในการขอร้องใคร กล่าวคือ ถ้าเอ่ยปาก ขอความช่วยเหลือ สักสิบครั้ง จะถูกปฎิเสธ เสียเก้าครั้ง ทั้งนี้อาจจะเพราะ คนอื่นเขาเข็ดขยาด ในความไม่แน่นอนของแก ก็เลยขี้เกียจ พาตัวเข้าไป ข้องแวะด้วย ส่วนในด้านของความรักนั้น เนื่องจากคนกรุ๊ปเลือด เอบี ไม่ค่อยมีความจริงใจ ต่อเพศตรงข้ามเท่าใดนัก ความรักจึงไม่ค่อย ยั่งยืนเท่าที่ควร 

ตามตำราท่านว่า ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป บีนั้น จะเป็นบุคคล ที่พร้อมจะหัวเราะ ได้ทุกเวลา เพราะมีนิสัยร่าเริง รักอิสระเสรี ตามใจตัวเอง ไม่แคร์ต่อสายตาประชาชี ใครจะหมั่นไส้ ใครจะค้อนก็ช่าง ฉันพอใจเสียอย่าง ใครจะทำไม เพราะฉะนั้น คนกรุ๊ปเลือด บี จึงชอบทำงาน ประเภท "วันแมนโชว์" คือไม่นิยม เข้าหุ้นกับใคร ลักษณะนิสัย ของคนกรุ๊ปเลือด บี นั้นสามารถจะเป็น ศิลปิน นักประพันธ์ หรือผู้สื่อข่าว ที่ประสบความสำเร็จได้ หรือหากจะทำงาน ในองค์การใหญ่ โอกาสเป็นผู้บริหาร ก็มีมาก ทั้งนี้ก็เพราะ เขาเป็นคนเด็ดเดี่ยว ใจกว้าง และกล้าแสดง ความคิดเห็น อย่างไม่หวั่นเกรงผู้ใดผู้ชายในกรุ๊ปเลือด บี จะเป็นคนประเภท สังคมเก่ง มีเพื่อนหญิงเป็นโหล ๆ แต่อย่าคิดว่า เขาเป็นคนไม่จริงจัง กับความรักล่ะ เขาจริงจังมาก แต่เสียนิดเดียว คือเขาจะจริงจัง ไปหมดเสียทุกคน นี่สิถึงจะเป็นปัญหา ส่วนผู้หญิงที่มีเลือดกรุ๊ป บี นั้น ก็เก่งไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน คือ หัวใจไม่เคยว่าง ชอบเข้าสังคม ไม่แคร์เสียงนกเสียงกา แต่ถ้าเธอลองปักใจ รักใครเข้าสักคนละก็ ใจเธอจะแน่วแน่มั่นคง ไม่มีวันเสื่อมคลายเชียวหล่ะ แต่แย่หน่อยนะ ตรงที่เธอเป็นคนชอบเพ้อฝัน รักความหรูหราฟู่ฟ่า ไม่ค่อยเห็นความสำคัญ ของขนบธรรมเนียมประเพณี เท่าใดนัก แถมเป็นคนเอาอะไร ก็จะเอาให้ได้ โดยไม่สนใจว่า จะต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไร เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกที่บางครั้งเจ้าหล่อน จะถึงขั้นขายเพื่อน หรือไม่ก็ขายตนเอง เพียงเพื่อยกตัวเอง ให้ไปถึงจุดสุดยอด ตามที่ต้องการ



อันที่จริงนิสัยทั่วไปของคนกรุ๊ปเลือด โอ ก็คล้ายนิสัยของผู้ชายทั่ว ๆ ไปนั่นแหละคือมีความสุขุมรอบคอบ ตัดสินใจด้วยเหตุผล เชื่อมั่นสมองมากกว่าหัวใจ ไม่ชอบเพ้อฝัน และค่อนข้างไปทางวัตถุนิยมหน่อย ๆ ดังนั้น คนที่มีเลือดกรุ๊ป โอ จึงมักเป็นบุคคล ที่มีงานทำเป็นหลักเป็นฐาน แถมหน้าที่การงาน ก็มักจะดีเป็นพิเศษซะด้วย เช่น เป็นทนายความ เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี หรืออะไรก็ตาม ที่มีความมั่นคงมาก ๆโดยปกติแล้ว คนกรุ๊ปเลือด โอ เป็นคนไม่ค่อยมีจินตนาการเท่าใดนัก ความคิดความอ่าน ตลอดจนการกระทำของพวกเขา จะตั้งอยู่บนรากฐาน ของความจริงเสมอ คือถ้าตาไม่ได้เห็น มือไม่ได้จับละก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมเชื่อ และคงเพราะ เหตุนี้กระมัง พวกเขาจึงสามารถ สร้างครอบครัวได้เป็นปึกแผ่น ไม่เหลวเป็นน้ำ เหมือนพวกชอบฝันกลางแดด แม้ว่าจะเป็นคนเค็มนิด ๆ ก็เถอะ แต่คนกรุ๊ปเลือด โอ ก็มีนิสัยโอบอ้อมอารี รักเพื่อนพ้อง เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นกำลังสำคัญ ของหน่วยงาน และเป็นที่รักใคร่ โปรดปรานของเจ้านาย ส่วนหญิงที่มีเลือดกรุ๊ป โอ นั้น ก็เป็นคนที่จริงจัง ต่อชีวิตและความรัก ยินดีต่อการได้เป็น ภรรยาและแม่เพราะเธอมีความคิด ที่จะอุทิศร่างกาย และวิญญาณ เพื่อคนที่เธอรักอยู่แล้ว
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็อย่าเข้าใจผิด คิดว่าผู้หญิงกรุ๊ปเลือด โอ จะใจง่าย มอบกายให้ใครเชยชมง่าย ๆ ตรงกันข้าม เธอเป็นคนรักนวลสงวนตัว จนบางครั้งถูกหาว่า โบราณคร่ำครึด้วยซ้ำ แต่ถ้าชายที่มารักเธอนั้น มีความเข้าใจ และหัวเก่าพอ ๆ กับเธอละก็ เขาจะเป็นคนที่โชคดีทีเดียวล่ะ ที่ได้หญิงที่มีความรักความจริงใจ อย่างเธอไปเป็นคู่ครอง

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น สูตรอร่อยแน่นอน





วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น สูตรอร่อยแน่นอน 

ถ้าบอกว่าเมนูกุ้งอบวุ้นเส้น ใครๆก็ชอบนะ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ไปร้านอาหารจีนซีฟู๊ดส์ต้องสั่งกัน เพราะเป็นเมนูที่ทานง่ายอร่อยได้หลากหลาย โดยเอาวุ้นเส้นเป็นหลักแล้วเอาเนื้อสัตว์ทะเลที่ชอบมาประกอบเช่น กุ้ง ปู ปลา ปลาหมึก ที่นิยมไม่พลาด ต้องกุ้งกับปูครับโดนใจ แต่ที่ไม่สั่งทานกันบ่อยๆเพราะว่าราคาสูงว่างั้น เรามาลองทำทานเองกันดูดีกว่า ถูก อร่อย ปลอดภัย ได้ภูมิใจกันทั้งครอบครัว


ส่วนประกอบ


เครื่องปรุงอบหม้อดินสำเร็จรูป
วุ้นเส้นแช่น้ำ ตัดเป็นท่อนๆ
หมูติดมันเยอะๆ
กุ้ง
ขิงซอย
คี่นฉ่าย
ต้นหอม
รากผักชี
พริกไทย


วิธีทำ

แกะถุงเครื่องปรุงอบหม้อดินใส่ลงผสมกับวุ้นเส้น 
ใส่ขิงลงไปคลุกๆ 
เรียงหมูติดมันลงในกระทะเทฟล่อน ใส่รากผักชี พริกไทย 
ใส่วุ้นเส้นที่คลุกไว้แล้วลงไป
เรียงกุ้งลงไป เติมน้ำนิดหน่อย แล้วปิดฝาตั้งไฟแรงๆ 
ใกล้จะสุกแร๊ววววว 
พอสุกแล้วน้ำแห้งดีก็ใส่ผัดลงไป ปิดฝาไว้ซักครู่ก็ใช้ได้ครับ 
ตักใส่จาน 

ผู้ชายศัลยกรรม 50 ครั้ง ตั้ม เซจุง

ก่อน-หลัง...'ตั้ม เซจุง' หล่อเกาหลี ลมหายใจนี้ เพื่อศัลยกรรม!

มองด้านข้างคิดว่า "กอล์ฟ พิชญะ" มองอีกข้างก็คล้ายดาราเกาหลี  ผู้ชายอะไรยิ่งมองยิ่งหน้าเป๊ะมาก หล่อสมบูรณ์แบบ เพอร์เฟคเป็นที่สุด!  แต่...........
ผู้ชายคนนี้ มีฉายาเป็นที่รู้จักกันในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า “ตั้ม เซจุง” ซึ่งตอนนี้ฮีโด่งดัง มีชื่อเสียงเลื่องลือมาก เรียกว่าเป็นกูรูเรื่องศัลยกรรมเสริมหล่อเลยก็ว่าได้ แถมยังมีผลงานอีกหลายชิ้นในวงการบันเทิงด้วย ล่าสุดเป็น MV ของ ETC เพลงใครนิยามตาสองชั้น เสริมจมูก ฉีดคาง ปากล่าง ปากบน กราม ร่องแก้ม หน้าผาก ทำลักยิ้ม ดอลลี่อาย ฯลฯ คือส่วนหนึ่งในการทำศัลยกรรมของเขา เรียกได้ว่า ทำศัลยกรรมเกือบหมดทั้งหน้ากันเลยทีเดียว นี่แค่เบาๆ 

 ตั้ม เซจุง” บอกว่า ทำศัลยกรรมมาหมดแล้ว มากถึง 50 ครั้ง !
เขาเริ่มทำศัลยกรรมครั้งแรกตอนอายุ 20 โดยเริ่มจากการทำตา ครั้งแรกที่ทำตา ก็รู้สึกได้ถึงหน้าตาที่ดูดีขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ฮีเริ่มทำ “ศัลยกรรม” เพิ่มอีกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรียกว่า “เจ็บมาเยอะ เจอมาเยอะ!” กว่าจะได้หน้าหล่อเป๊ะ เป็นหนุ่มเกาหลีขนาดนี้….ตั้ม เซจุง” บอกว่า เขาทั้งเสริมทั้งฉีดมาเยอะมาก ลองผิดลองถูกมาตลอด ค่าเสียหายของการศัลยกรรมก็แค่ครึ่งล้านเอง
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่หล่อดูดี  หน้าเป๊ะขนาดนี้ จะผ่านการศัลยกรรมมาแล้วถึง 50 ครั้ง  ฮีหายใจเข้าหายใจออกเป็นการศัลยกรรมกันเลยทีเดียว!จากเด็กผู้ชายหน้าตี๋บ้านๆ ธรรมดาๆ คนหนึ่ง เขาได้กลายเป็นหนุ่มหล่อหน้าเกาหลีในชั่วข้าม(หลาย)คืน เพราะ "การศัลยกรรม" ผู้ชายคนนี้ มีฉายาเป็นที่รู้จักกันในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า "ตั้ม เซจุง" ซึ่งตอนนี้ฮีโด่งดัง มีชื่อเสียงเลื่องลือมาก เรียกว่าเป็นกูรูเรื่องศัลยกรรมเสริมหล่อเลยก็ว่าได้แถมฮียังมีผลงานอีกหลายชิ้นในวงการบันเทิงด้วยนะล่าสุด MV ETC เพลงใครนิยาม

ตาสองชั้น เสริมจมูก ฉีดคาง ปากล่าง ปากบน กราม ร่องแก้ม หน้าผาก ทำลักยิ้ม ดอลลี่อาย ฯลฯ คือส่วนหนึ่งในการทำศัลยกรรมของฮี เรียกได้ว่า ทำศัลยกรรมเกือบหมดทั้งหน้ากันเลยทีเดียว นี่แค่เบาๆ  กว่าจะได้หน้าหล่อเป๊ะ เป็นหนุ่มเกาหลีขนาดนี้...."การทำศัลยกรรม" สมัยนี้เป็นเรื่องปกติของสังคมไปแล้วก็ว่าได้  ทิชชี่ว่าถ้าทำแล้วหล่อดูดีขนาด  "ตั้ม เซจุง"   ก็น่าสนอยู่นะ ถึงจะเจ็บแต่ก็ได้มาซึ่งความคุ้มค่า อิอิแต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจจะทำศัลยกรรม คุณควรศึกษาข้อมูลให้เยอะๆ ควรปรึกษาคนในครอบครัว และทางที่ดีควรปรึกษาหาข้อมูลกับคุณหมอสัก 3-4 ที่ เพื่อความมั่นใจว่าเหมาะกับเราที่สุด
"ตั้ม เซจุง"  ฮีทั้งเสริมทั้งฉีดมาเยอะมาก ลองผิดลองถูกมาตลอด ค่าเสียหายของการศัลยกรรมก็แค่ครึ่งล้านเอง ^^"
อชาสรรค์ รัษฎามาศ หรือตั้ม เซจุง ที่ทุกคนรู้จักในโซเชียลเน็ตเวิร์ก จากเมื่อก่อนเขาเป็นผู้ชายหน้าตี๋ธรรมดาคนหนึ่ง แต่ในวันนี้เขากลายเป็นหนุ่มหล่อหน้าเกาหลีที่เริ่มเข้ามาคลุกคลีในวงการบันเทิง อีกทั้งยังโด่งดังในสังคมออนไลน์อย่างมาก
เริ่มทำตาสองชั้น และฉีดฟิลเลอร์ที่จมูก
"ผมเริ่มทำศัลยกรรมครั้งแรกตอนอายุ 20 ครับ ตอนนั้นที่ตัดสินใจทำไม่ได้คิดว่าอยากจะเป็นดาราอะไรเลย แต่พอดีตอนเด็กๆ ผมโดนกระจกกระเด็นเข้าตา เลยทำให้ตาสองข้างไม่เท่ากัน พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เลยขอเงินคุณแม่ไปทำตา จากนั้นก็รู้สึกว่าหน้าเรามันดูโอเคกว่าเดิม และเป็นคนไม่กลัวเข็มด้วย ก็เลยคิดว่าอยากทำอีก พอทำมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มมีคนมาชวนไปถ่ายมิวสิกวิดีโอ มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เข้ามาทำงานตรงนี้นิดๆ หน่อยๆ ซึ่งผมก็คิดว่าตอนแรกพี่ที่เขาชวนผม ก็คงไม่รู้ครับ ว่าหน้าผมผ่านการทำศัลยกรรมมา อีกอย่างตอนนี้ที่ทำก็เป็นทีมงานของรายการเปิดบ้านมดดำด้วยครับ ไปเป็นผู้ช่วยให้กับพี่มดดำ"
เริ่มมีเค้าเป็นหนุ่มหล่อสไตล์เกาหลี
ความบ้าในตัว บวกกับรู้สึกว่าการทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอะไร จากการทำตาสองชั้น 1 ครั้ง ตั้มก็เริ่มไปทำจมูก ตามมาด้วยปาก คาง ลักยิ้ม และผิว และแต่ละที่ก็มีการเสริม ฉีด และแก้ไขมานับไม่ถ้วน"หลังจากทำตาเสร็จ ก็เริ่มทำจมูกครับ ตอนแรกไปฉีดฟิลเลอร์ก่อน ประมาณ 6-7 ครั้ง คือเติมให้ดูโด่งไปเรื่อยๆ จากนั้นถึงมาเสริมซิลิโคน ก็มีแก้ไขประมาณอีก 7 รอบ กว่าจะออกมาแบบนี้ เพราะมันมีปัญหาจากการที่เคยฉีดฟิลเลอร์ จากนั้นก็มีทำลักยิ้ม ฉีดฟิลเลอร์ที่คาง ฉีดดอลลี่อายให้ตาดูเป็นเกาหลี และก็มีกินยาให้ผิวขาว เพราะแต่ก่อนผิวผมคล้ำกว่านี้ ล่าสุดก็เพิ่งไปร้อยไหมมาครับ อยากลองทำดู แต่พอทำแล้วรู้สึกเฉยๆ นะ เพราะอายุอาจจะยังไม่เหมาะกับการไปทำด้วย"
เส้นทางการทำศัลยกรรมของตั้ม อาจเรียกได้ว่าผ่านมาเยอะ และเจ็บมาแยะ ซึ่งหลายคนที่ได้เห็นภาพ ต่างก็เกิดคำถามในใจ โดยเฉพาะคนที่อยากทำศัลยกรรมและออกมาสวย-หล่อแบบเขา ทุกวันนี้ตั้มเลยกลายเป็นกูรู คอยแนะนำ จนดังกระฉ่อนอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกด้วย"จริงๆ ผมไม่ได้เป็นกูรูขนาดนั้น คนที่เป็นกูรูจริงๆ คือคุณหมอครับ แต่ส่วนใหญ่ที่เขาชอบมาถามผม เพราะเห็นภาพก่อนและหลังทำว่ามันต่างกันมาก เหมือนเป็นคนละคน ซึ่งผมเองก็ให้คำแนะนำได้บ้าง แต่เรื่องที่ว่าหมอไหนทำแล้วออกมาดี ผมตอบไม่ได้ครับ มันขึ้นอยู่กับเค้าโครงเดิมของคนที่จะทำด้วย บางคนอายุแค่ 16 เอง มาถามผมเรื่องนี้ ผมก็ไม่สนับสนุนนะ อยากให้เขาลองปรึกษาครอบครัว และรอไปอีกหน่อย เพราะหน้าเรามันยังยืดหยุ่นได้อีก ซักอายุ 20 ถ้าอยากทำจริงๆ ก็ค่อยว่ากัน"เห็นภาพของหนุ่มตั้มหลังทำศัลยกรรม จนออกมาหล่อใสได้ขนาดนี้ เขาบอกว่าภาพเก่าๆ สมัยยังไม่ได้ผ่านมีดหมอนั้นเขาก็ยังเก็บไว้ แถมยังนำออกมาลงในเฟซบุ๊กให้เห็นกันทั่ว ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร และก็ยอมรับทุกคำวิจารณ์
"แต่ก่อนเพื่อนชอบล้อว่าเราหน้าซาลาเปา อาแป๊ะ แต่ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับหน้าเก่าขนาดนั้น พอตอนนี้หน้าเปลี่ยนไป ผมเลยไม่รู้สึกแอนตี้อะไร ก็อยากเอามาให้ดูว่าก่อนและหลังที่ทำศัลยกรรมหน้าผมเป็นยังไง ก็มีคนพูดทั้งดีและไม่ดีครับ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะผมก็ทำศัลยกรรมมาจริงๆ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ใครที่แอนตี้ก็อยากให้เขามองแง่ดีบ้าง เพราะคนที่ทำแล้วรุ่งก็มี อย่างผมเอง เมื่อก่อนผมรับครีมเพื่อนมาขายบอกตรงๆ ว่าขายไม่ดีเลยครับ งานก็ไม่เข้า ผิดกับตอนนี้เลย ผมว่าถ้าทำแล้วดี สามารถหาเงินช่วยครอบครัวได้ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ถ้าเอาแต่อยากหล่อ-สวยอย่างเดียวก็ไม่ควรครับ"
อะไรก็ดูดีขึ้นไปหมดแบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องสาวๆ ซึ่งหนุ่มคนนี้เล่าว่า ตอนที่ยังหน้าเดิม ไม่กล้าแม้แต่จะไปจีบใคร แต่ทุกวันนี้มั่นใจมากขึ้น แถมยังเรทติ้งกระฉูด จนเลือกไม่ถูกกันเลย
"หลังทำศัลยกรรมเรทติ้งดีกว่าเยอะครับ ก่อนหน้านั้นผมไม่กล้าจีบใครเลยนะ ตอนนี้มั่นใจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีแฟนนะครับ ดูๆ ไปก่อน ผมก็ไม่ได้เจ้าชู้นะครับ เป็นเหมือนผู้ชายปกติทั่วๆ ไป (ยิ้ม)"
แม้ว่าการทำศัลยกรรมจะทำให้หลายอย่างในชีวิตของเขาเปลี่ยนไป แต่ก็อาจใช้ไม่ได้กับทุกคน ตั้มบอกว่าการตัดสินใจในการทำแต่ละครั้งต้องศึกษาให้มากๆ
"ก่อนจะไปทำต้องปรึกษาหมอก่อน 3-4 ที่ ให้มั่นใจ จะได้รู้ว่าหมอไหนถูกใจเราที่สุด ไม่ใช่ไปถึงแล้วตัดสินใจทำเลย เห็นคนอื่นทำแล้วดี ก็ไปทำตาม สุดท้ายพอทำออกมาแล้วไม่ชอบก็เยอะนะครับ ส่วนเรื่องฉีดถ้าไม่จำเป็นอย่าทำครับ มันมีผลระยะยาว อย่างพังผืดมาเกาะ ถ้าเสริมซิลิโคนก็เสริมไปเลยครับ เพราะผมเองทั้งเสริม ทั้งฉีดและแก้ไขมาเยอะมาก หมดกับค่าศัลยกรรมไปห้าแสนกว่าบาทแล้ว  แต่ทุกวันนี้คิดว่าถ้าไปเอาพังผืดที่คางออกก็คงไม่เสริมอะไรแล้วครับ ยิ่งถ้าอายุเยอะขึ้นมากๆ ก็อาจจะไปเอาออกด้วยซ้ำ เพราะศัลยกรรมมันมีระยะเวลา ไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต เลยไม่ได้คาดหวังมาตั้งแต่แรกว่าทำให้หล่อเพื่ออยากเป็นดารา ตรงนี้มันเป็นแค่ผลพลอยได้ครับ จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมคาดหวังที่สุดก็เป็นเรื่องธุรกิจมากกว่า อยากทำให้ประสบความสำเร็จ เรื่องงานในวงการบันเทิงไม่ค่อยรับแล้วครับ เพราะรู้สึกว่าทำธุรกิจแล้วมันได้เงินเร็วกว่าเยอะ"
*เก็บตก ตั้ม เซจุง*

1. ตั้ม เซจุง เป็นฉายาที่เขาตั้งขึ้นเอง เมื่อตอนที่เล่น hi5 ตั้งแต่นั้นเลยใช้ชื่อนี้มาโดยตลอด
2.เขายอมรับว่า เป็นคนชอบทำศัลยกรรมมาก เรียกว่าติดเป็นนิสัย จนมีสโลแกนประจำตัวว่า 'ทุกชีวิตมีค่า ทุกเวลาศัลยกรรม'
3.ตั้มเป็นหนุ่มที่หน้าเหมือนดาราหลายคนมาก หลังจากที่ทำศัลยกรรมมาแล้ว ทั้ง เอ็ม-อภินันท์กอล์ฟ-พิชญะฝันดี-ฝันเด่น
4.เขาตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำศัลยกรรมอะไรอีกแล้ว แต่ถ้าอายุมากขึ้นก็ขอฉีดโบท็อกซ์กระชับหน้าบ้าง
5.เวลาว่างจริงๆ ที่ไม่ได้ไปอัพหล่อ เขาชอบอัดเพลงใส่เสียงตัวเองเอาไว้ฟังเล่น
6.สเปกสาวของตั้ม จะศัลยกรรมหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าทำก็ขอให้ออกมาดูดี แต่คอนเซปต์หลักๆ ก็คือขาวหมวยเท่านั้น


พักผ่อน กับ ชานไม้ชายเขา


บ้านหลังเล็กกับลำธารใส ในกลางป่า...ที่ พราวภูฟ้า เชียงใหม่


ผมขอวางแผงนิตยสาร Online ชานไม้ชายเขา ฉบับที่ 54 ประจำเดือนตุลาคม กับบรรยากาศชุ่มฉ่ำของฤดูฝนกลางป่า กับห้องพักริมลำธาร ของรีสอร์ทฮิปเล็กๆในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ที่ชื่อว่า พราวภูฟ้า
บนถนนสายแม่ริม-สะเมิง นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีสถานที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งของจังหวัดเชียงใหม่ ยังเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทออกแบบ บรรยากาศธรรมชาติขนาด 9 ห้องพักที่ชื่อว่า พราวภูฟ้า ที่จริงแล้วผมได้ยินชื่อรีสอร์ทแห่งนี้มาตั้งแต่เพิ่งเปิดใหม่ๆ แต่ที่เพิ่งทราบไม่นานก่อนที่จะตัดสินใจมาที่นี่คือ ระเบียงห้องพักของรีสอร์ทแห่งนี้มีลำธารสายเล็กๆไหลผ่านทุกหลัง ซึ่งคือจุดเด่นสำคัญที่ทำให้บรรยากาศของห้องพักที่พราวภูฟ้าต่างจากรีสอร์ทอื่นๆที่ผมเคยไปมา ส่วนห้องพักเป็นวิลลาหลังเล็กที่ถูกออกแบบมาอย่างดี มีเพดานห้องที่สูงโปร่ง ได้เห็นสีเขียวๆของใบไม้จากในห้องพัก เพียงแค่นั่งเล่นที่ระเบียงห้อง ชมธรรมชาติ ฟังเสียงน้ำไหลเบาๆจากลำธารที่ระเบียงห้องพักก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย 
 ถึงแม้พราวภูฟ้าจะเป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีอาคารส่วนกลางเพียงแห่งเดียวซึ่งมีทั้ง สระว่ายน้ำ ส่วนต้อนรับและห้องอาหาร มีบริเวณให้เดินเล่นไม่มากเท่ารีสอร์ทขนาดใหญ่อื่นๆ แต่มีบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นธรรมชาติ มีการตกแต่งที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ยิ่งบวกด้วยการบริการที่ดีเยี่ยมจากพนักงานทุกๆคนทำให้ช่วงเวลาที่ผมได้มาพักผ่อนที่นี่มีแต่ความประทับใจ ลองมาชมบรรยากาศภายใน และความเป็นธรรมชาติของรีสอร์ทแห่งนี้ที่หาได้ยากในที่อื่นๆ
สำหรับผมแล้ว การเดินทางมาพักผ่อน ถ่ายภาพของพราวภูฟ้าในครั้งนี้ถือเป็นโจทย์การถ่ายภาพที่ท้าทายอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากสภาพอากาศที่ครึ้ม ไม่มีแดดแทบตลอดช่วงเวลาที่เข้าพัก และมีฝนเป็นส่วนมาก แต่ก็ได้การตกแต่งน่ารักๆ ความเป็นธรรมชาติ และการออกแบบที่ดีทำให้หามุมกล้องได้ง่ายขึ้น
ลำธารสายเล็กๆที่ต้อนรับแขกที่มาเยือนตั้งแต่ทางเข้ามายังรีสอร์ท

ความสมบูรณ์ของธรรมชาติบริเวณลำธารภายในรีสอร์ท
อาคารส่วนกลางของรีสอร์ทที่เป็นทั้งส่วนต้อนรับและห้องอาหาร
ภายในห้องอาหารที่มีการตกแต่งเรียบง่าย บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง
โต๊ะอาหารบรรยากาศโรแมนติกช่วงกลางคืน
ที่นั่งเล่นในส่วนต้อนรับที่อยู่บริเวณห้องอาหาร ในภาพจะเห็นนายแบบนอนหลับตาพริ้มอยู่ด้วย กำลังมีความสุขที่กำลังจะเป็นพ่อแมว คงเป็นเจ้าตัวนี้ที่เป็นแมวโชคดี มีสัตวแพทย์ใจดีมาหยอดตาให้
โต๊ะอาหารข้างสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำของที่นี่เป็นสระระบบน้ำเกลือขนาดเล็ก ดูนายแบบไปแล้วมาดูนางแบบบ้างครับ นางแบบตัวนี้ตอนนี้น่าจะคลอดแล้ว ช่วงที่ผมไปกำลังท้องแก่
ต่อไปมาดูห้องพักบ้างครับ ห้องพักที่นี่แบ่งเป็น 3 แบบ คือ แบบ Relaxant villa (วิลลา 4 และ 5) แบบ Private villa (วิลลา 1, 2, 3, 6, 7 และ 8) และแบบ Honeymoon villa (วิลลา 9) วิลลาแบบ Relaxant เป็นวิลลาแบบเดียวที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ถึงแม้จะเป็นห้องพักแบบเดียวกันแต่การตกแต่งภายในอาจจะต่างกัน วิลลาที่ผมเข้าพักในคืนแรกคือ Private villa หมายเลข 6

วิลลาห้องนี้เป็นวิลลาสีขาวหนึ่งในสามหลังของรีสอร์ท มีเพดานสูงโปร่ง ห้องน้ำที่แยกจากห้องนอนโดยมีสวนเล็กๆกั้น ภายในห้องน้ำยังเป็นโทนสีขาว น่าใช้


อีกมุมหนึ่งของห้องน้ำ จะเห็นฝักบัวอาบน้ำซึ่งมีเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่หลังแผ่นไม้ (แผ่นไม้เก่าไปนิดครับ ถ้าเปลี่ยนอันใหม่ คงทำให้ห้องน้ำดูดีขึ้นเยอะ) ภาพจากห้องนอนมองเข้าไปยังห้องน้ำด้านหลัง ภายในห้องมี LCD TV เครื่องเล่น DVD พัดลมติดเพดาน ผมชอบการให้แสงที่เพดาน รายละเอียดการตกแต่งทั้ง อ่างล้างหน้าที่ทำขึ้นสำหรับพราวภูฟ้าโดยเฉพาะ โคมไฟ และรูปติดผนังที่สวยงาม เข้ากับบรรยากาศในห้องน้ำ ประตูทางเข้าห้องน้ำมีที่จับเป็นตัวกระรอก จากเก้าอี้นั่งเล่นที่ระเบียงมองเข้าไปยังห้องพัก อาจจะไม่ส่วนตัวมากนักเพราะเห็นระเบียงห้องข้างๆ บรรยากาศในห้องนอนที่เห็นต้นไม้ ใบไม้ สำหรับห้องนี้ยังสามารถชมลำธารได้จากบนเตียงนอน ประตูทางเข้าห้องพักที่อยู่ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ มุมพักผ่อนสบายๆ ฟังเสียงน้ำไหลในลำธารที่ระเบียงห้อง

ส่วนต้อนรับที่อาคารส่วนกลาง โต๊ะรับประทานอาหารข้างๆส่วนต้อนรับ อาหารเช้าของที่นี่บริการเป็นชุด โดยแขกที่พักแต่ละท่านสามารถสั่งได้คนละชุด โดยเลือกเป็นอาหารเช้าแบบอเมริกัน หรือจะสั่งเป็นชุดข้าวต้มกุ๊ยที่สามารถสั่งกับข้าวได้สามอย่าง 
ลำธารธรรมชาติที่อยู่บริเวณทางเข้ามายังรีสอร์ท
น้ำปั่นสีสันสดใส มัวแต่ถ่ายภาพกว่าจะได้ทานก็ละลายไปค่อนแก้ว นึกถึงเพลงห้อง BP ที่คุณ แฟน not found แต่งขึ้นมาทันทีสลัดไส้กรอก อาหารมื้อเที่ยงของผม สั่งมาสองสามอย่างครับ แต่จานนี้สวยที่สุด ดอกไม้สีสันสดใสที่ทำให้บรรยากาศโต๊ะอาหารวันฟ้าหม่นดูสดชื่นขึ้นมาทันที ตบท้ายด้วยของว่าง วาฟเฟิลกับไอศกรีม ชอบเมนูนี้มากครับ
มาดูห้องพักที่ผมเข้าพักอีกแบบ วิลลาหลังนี้เป็น Honeymoon villa หรือ วิลลาหมายเลข จุดเด่นของวิลลาหลังนี้คืออ่างแช่น้ำขนาดสองคนที่อยู่กลางห้อง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ ห้องน้ำที่ออกแบบคล้ายๆกับ วิลลาหมายเลข 6 แต่ที่วิลลาหลังนี้มีผนังเป็นบานไม้ (ไม่ใช่เป็นม่านเหมือนวิลลา 6)
จุดเด่น
-มีลำธารสายเล็กๆไหลผ่านในรีสอร์ทและไหลผ่านระเบียงห้องพักทุกหลัง
-บรรยากาศในรีสอร์ทมีความเป็นธรรมชาติ สงบ น่าอยู่
-ห้องพักได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีระเบียงนอกห้องไว้สัมผัสธรรมชาติ ชมลำธาร ฟังเสียงน้ำไหล
- มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียง
- อาหารอร่อย มีให้เลือกหลายอย่าง
- การบริการจากพนักงานทุกๆคน ดีมากครับ มีใจบริการที่ดี
จุดด้อย
- รีสอร์ทอยู่ห่างจากสนามบินและตัวเมือง
- สระว่ายน้ำส่วนกลางมีขนาดเล็กและอยู่ติดกับห้องอาหาร
- พื้นที่ใช้สอยในห้องพักน้อยไปนิดครับ

ข้อแนะนำนิดนึงในการเข้าพักที่นี่ ถ้ามีผู้สูงอายุเข้าพักควรแจ้งกับพนักงานตอนจองด้วยนะครับเพื่อเลี่ยงวิลลาหมายเลข 7 ซึ่งที่นอนจะอยู่บนชั้นลอยต้องขึ้นบันใด และวิลลาหมายเลข 8 และ 9 ซึ่งระเบียงห้องอยู่ต่ำกว่าระดับห้องนอนพอสมควร ต้องขึ้นลงบันใด ห้องพักแบบ Relaxant เป็นวิลลาแบบเดียวที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ(ซึ่งคงไม่จำเป็นในช่วงหน้าหนาว) และที่นี่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายให้บริการทั้งที่ห้องพักและอาคารส่วนกลางโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 

สุดท้ายความประทับในที่อยู่ในใจของชาว Blue Planet ตลอดไป 




ดูรีวิวที่เหมือนกันของผมจากห้อง BluePlanet ใน Pantip.com ได้ที่
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8452204/E8452204.html